6. The Doorway to Hell หลุมไฟขนาดมหึมา(กว้าง 70 เมตร)ดังกล่าวนี้เกิดจากความผิดพลาดของนักธรณีวิทยาชาวโซเวียตที่ได้ทำการตั้งแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซธรรมชาติ แต่กลับพบว่ามีแก๊ซฟุ้งกระจายจึงได้ตัดสินใจเผา แต่!! ผลปรากฎว่าไฟที่จุดไว้ยังสว่างไสวมาตั้งแต่ปี 1971 มาจนถึงปัจจุบันนี้
5. The Wave เกิดจากหินทรายทับถมกันมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่สมัยยุคจูราสิคหรือเมื่อกว่า 190 ล้านปีก่อนหน้านี้ the wave อยู่ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ในการเข้าไปชมสถานที่แห่งนี้จะต้องเดินเท้าเข้าไปถึง 5 ก.ม. และยังจำกัดผู้เข้าชมที่ 20 คนต่อวันอีกด้วย
4. Blood Pond Hot Spring หรือ บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด สถานที่แห่งนี้อยู่ที่เบปปุ เมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุเลยทีเดียวและสาเหตุที่ทำให้บ่อน้ำพุแห่งนี้มีแสงแดงฉาดดั่งเช่นสีของเลือดนี้ได้ก็เพราะมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณสูงนั่นเอง
3. ทะเลทรายแบล็ค ร็อค สถานที่แห่งนี้นั้นอยู่ที่รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ทะเลทรายแบล็ค ร็อคในอดีตนั้น(เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน)เคยเป็นก้นทะเลสาปที่มีความลึกถึง 150 เมตรกันเลยทีเดียว
2. ซาลาร์ เดอ ยูยูนิ อยู่ที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย เกลือของซาลาร์ เดอ ยูยูนินั้นเป็นเกลือที่หลงเหลือมาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์แถมด้วยความหนาของชั้นเกลือที่มีความหนามากกว่า 1 เมตร และซาลาร์ เดอ ยูยูนิยังเป็นทะเลเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยมันขนาดใหญ่มากกว่า 10,500 ตารางกิโลเมตรเสียอีก
1. The Temple Cave สถานที่แห่งนี้นั้นอยูืที่เกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย วิหารฮินดูอันสวยสดงดงามและลึกล้ำแห่งนี้นั้นอยู่ในใจกลางของถ้ำหินปูนที่มีชื่อว่า ถ้ำบาตู(Batu Cave)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น